Taxi Khao Lak,Krabi,Ao Nang,Koh Samui,Khao Sok,Ranong,Hua Hin,Hat Yai, Lanta,phi phi,
Taxi and Transfer,Transport Service , Phuket Airport, Town and Beach to Patong, Kata, Karon,Kamala, Bangtao, Surin, Rawai, Naiharn, Naiyang, Mai Khao, Taxi Khao Lak,Krabi,Ao Nang,Koh Samui,Khao Sok,Ranong,Hua Hin,Hat Yai, Lanta,phi phi, บริการแท็กซี่,และรถรับส่ง,จากสนามบินภูเก็ตเมือง,ป่าตอง,กะตะ,กะรน,กมลา,บางเทา,สุรินทร์,ราไวย์,ในหาน,ในยาง,ไม้ขาว,แท็กซี่ภูเก็ต,ภูเก็ตแท็กซี่,
บริการแท็กซี่,และรถรับส่ง,จากสนามบินภูเก็ตเมือง,ป่าตอง,กะตะ,กะรน,กมลา,บางเทา,สุรินทร์,ราไวย์,ในหาน,ในยาง,ไม้ขาว,แท็กซี่ภูเก็ต,ภูเก็ตแท็กซี่,
- เกาะภูเก็ต
เกาะยาว
เกาะยาว ประกอบด้วยเกาะขนาดใหญ่ 2 เกาะ คือ เกาะยาวใหญ่และเกาะยาวน้อย นอกเหนือจากเกาะบริวารขนาดเล็กๆ อีกหลายเกาะ มีพื้นที่ประมาณ 137.6 ตารางกิโลเมตร เกาะยาวใหญ่เป็นเกาะที่มีประชาชนอาศัยอยู่กว่า 100 ปีมาแล้ว ส่วนใหญ่อพยพมาจากตำบลเกาะยาวน้อย จังหวัดสตูล และจังหวัดตรัง กว่าร้อยละ 90 นับถือศาสนาอิสลาม สมัยเริ่มแรกมีอาชีพทำประมง สวนยางพารา ก่อนที่การท่องเที่ยวจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชุมชนที่นี่
เกาะยาวน้อย
เกาะยาวน้อย เป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอเกาะยาว ก่อนปี พ.ศ. 2446 มีฐานะเป็นตำบลขึ้นอยู่กับอำเภอเมืองพังงา ดำรงสถานะเป็นกิ่งอำเภออยู่นานนับร้อยปี จึงได้รับการประกาศให้เป็นอำเภอ มีพื้นที่ประมาน 46.4 ตารางกิโลเมตร มีแนวชายหาดที่สำคัญคือ หาดป่าทรายและชายทะเลท่าเขา ซึ่งมีบ้านพักรีสอร์ทค่อนข้างหนาแน่นกว่าชายหาดอื่นๆ นอกจากนี้ก็มีอ่าวคลองจาก อ่าวที่มีความสวยงามที่สุดของเกาะยาวน้อย แต่การเดินทางค่อนข้างลำบาก หาดโล๊ะหา แนวชายหาดที่อยู่ด้านตอนเหนือของเกาะ และอ่าวต้นโพธิ์ ซึ่งมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่หลายสิบคนโอบ
เกาะยาวใหญ่
มีโค้งอ่าวสวยงามมากมาย แต่ด้วยความที่เป็นชุมชนขนาดเล็กกว่าและไม่ได้เป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอ ทำให้การท่องเที่ยวได้รับการขยายตัวน้อยกว่าพื้นที่เกาะยาวน้อย โดยมีโค้งอ่าวสำคัญคือ อ่าวคลองสน แหลมมหาด อ่าวทิวสน อ่าวนกเป็ดน้ำ และอ่าวไม้ไผ่ เป็นต้น
การเดินทาง
เกาะยาวน้อย : สามารถเดินทางไปได้หลายเส้นทาง ทั้งจากจังหวัดพังงา (ท่าเรือด่านศุลกากร) จากจังหวัดกระบี่ (ท่าเรือท่าเลน) และจากจังหวัดภูเก็ต (ท่าเรือบางโรง) แต่ที่สะดวกที่สุด คือ เดินทางจากท่าเรือบางโรงไปท่าเรือมาเนาะ เพราะ มีเรือหางยาวขนาดใหญ่ให้บริการวันละหลายเที่ยว ตั้งแต่ช่วงเวลา 08.30-17.00 น. หรือจะเช่าเหมาเรือซึ่งมีหลายขนาดให้เช่า
เกาะยาวใหญ่ : สามารถเดินทางจากท่าเรือบางโรง จังหวัดภูเก็ต ได้เช่นเดียวกัน โดยเรือจะแวะส่งที่เกาะยาวใหญ่ก่อนที่จะไปสิ้นสุดเส้นทางที่ท่าเรือเกาะยาวน้อย หรือจะใช้บริการเรือหางยาวขนาดเล็กที่วิ่งให้บริการระหว่างเกาะยาวใหญ่และเกาะยาวน้อยก็ได้ ใช้เวลาในการเดินทางประมาน 15 นาที
ภูเก็ตแท็กซี่กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเมื่อท่านมาเยือนภูเก็ต สายด่วน 0980288961 คุณหมิง
เกาะราชา
เกาะรายา หรือ เกาะราชา - เกาะราชาใหญ่ เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวสะอาด มีหาดทางด้านตะวันตกอยู่ระหว่างหุบเขาเป็นรูปคล้ายเกือกม้า เรียกว่า "อ่าวน้ำตาตก" หรือ "อ่าวบังกะโล" มีหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสสะอาดลักษณะคล้ายทะเลแถบหมู่เกาะสิมิลัน บนยอดเขาทางใต้ของอ่าว มีจุดชมวิวสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเกาะใต้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมี อ่าวสยาม อ่าวทือ ที่มีหาดทรายขาว และทางตะวันออกของเกาะคือ "อ่าวขอนแค" จะมีปะการังเขากวาง ประการังอ่อน เป็นจุด ดำน้ำ ดูปะการังที่สมบูรณ์จุดหนึ่ง
เกาะราชาน้อย อยู่ห่างจากเกาะราชาใหญ่ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นเกาะที่เกิดจากการทับถมของหินปะการัง จึงมีโขดหินมากกว่าหาดทราย ทางด้านตะวันตกเป็นอ่าวเล็กๆ สำหรับไว้จอดเรือ ที่เกาะนี้มีน้ำทะเลใส สีเขียวมรกต ไม่เหมาะสำหรับเล่นน้ำ แต่เหมาะเป็นแหล่งตกปลา
การเดินทาง
เกาะราชาใหญ่ : การเดินทาง สามารถเช่าเรือหางยาวเหมาลำได้ที่อ่าวฉลอง ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง หรืออาจใช้บริการนำเที่ยวของบริษัททัวร์ทั่วไปในตัวเมืองภูเก็ต ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเดินทางคือ เดือนธันวาคม ถึง เดือนเมษายน
เกาะราชาน้อย : การเดินทางมายังเกาะราชาน้อย สามารถติดต่อเช่าเรือหางยาว โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจะเดินทางโดยเรือเร็ว จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากอ่าวฉลองหรือหาดราไวย์ หรือติดต่อซื้อทัวร์จากบริษัทนำเที่ยว หรือบริษัทดำน้ำ
ภูเก็ตแท็กซี่กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเมื่อท่านมาเยือนภูเก็ต สายด่วน 0980288961 คุณหมิง
เกาะพีพี
เกาะพีพี หรือหมู่เกาะพีพี เป็นอัญมณีเลอค่าแห่งทะเลอันดามัน ที่ในวันนี้โด่งดังติดอันดับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก ด้วยความงดงามของเวิ้งอ่าวคู่ของอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัมอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ บวกกับทะเลในสีเขียวมรกตสวยใส ที่โอบล้อมหาดทรายขาวนวลละเอียดราวแป้งของอ่าวมาหยา พร้อมแนวปะการังและสรรพชีวิตหลากสีสันนานาพันธุ์ในโลกใต้ทะเล สิ่งเหล่านี้คือแม่เหล็กที่ดึงดูดให้นักเดินทางนับล้านชีวิตจากทั่วทุกมุมโลกหลั่งไหลมายังหมู่เกาะเล็กๆ แห่งนี้ เพื่อจะมาเยี่ยมเยือนและสัมผัสให้เห็นกับตาตัวเองว่า หมู่เกาะพีพีนั้น งดงามสมกับที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นเกาะที่สวยงามติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก และคู่ควรกับที่ได้ฉายาว่า “มรกตแห่งอันดามัน สวรรค์เกาะพีพี” เพียงไร
เกาะพีพีเป็นหมู่เกาะกลางทะเลอันดามันของไทย ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่ อยู่ห่างจากอำเภอเมืองฯ 42 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ประกอบด้วย 2 เกาะใหญ่ คือ เกาะพีพีดอน และ เกาะพีพีเล และมีเกาะขนาดเล็กอยู่ใกล้เคียงอีก 4 เกาะ คือ เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ เกาะบิดะนอก และเกาะบิดะในเล่ากันว่าแต่เดิมนั้น ชาวเลเรียกหมู่เกาะนี้ว่า “ปูเลาปิอาปี” คำว่า “ปูเลา” แปลว่าเกาะ คำว่า “ปิอาปี” แปลว่าต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่ง จำพวกแสมและโกงกาง ซึ่งต่อมาเรียกสั้นๆ ว่า “ต้นปีปี” แล้วจึงเพี้ยนเสียงเป็น “พีพี” ในที่สุดศูนย์กลางของหมู่เกาะพีพีอยู่ที่เกาะพีพีดอน โดยมีอ่าวต้นไทรเป็นที่ตั้งของท่าเรือเกาะพีพี มีที่พักและร้านค้าต่างๆ ตั้งอยู่หนาแน่น และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าจากอ่าวต้นไทรขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขาความสูง 180 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่มองเห็นเวิ้งอ่าวคู่ของอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัมอันสวยงามและโด่งดังไปทั่วโลกได้นอกจากเวิ้งอ่าวคู่แล้ว ที่เกาะพีพีเลยังมีทะเลในสีมรกตและอ่าวมาหยาที่งดงามโดดเด่นอยู่ในอ้อมกอดของเขาหินปูน และมีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช ที่มาใช้อ่าวมาหยาเป็นสถานที่ถ่ายทำ นอกจากนี้บริเวณเกาะพีพีเลยังเป็นจุดดำน้ำตื้นและน้ำลึกที่สวยงามและเป็นที่นิยมแห่งหนึ่งด้วย
การเดินทาง
เกาะพีพีไม่มีถนน การคมนาคมหรือการเดินทางท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ใช้เรือเป็นหลัก มีบริษัททัวร์เอกชนหลายแห่งให้บริการเรือเช่าเหมาลำ มีทั้งประเภทเรือหางยาว เรือสปีดโบต ไปจนถึงเรือขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อเช่าเรือท่องเที่ยวและดำน้ำรอบเกาะได้ทั้งจากเจ้าของเรือโดยตรง และจากบริษัทต่างๆ บริเวณอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัม หรือติดต่อเช่าจากที่พักที่ใช้บริการก็ได้ คิดราคาต่อวัน/ครึ่งวัน หรือแล้วแต่ระยะทางและการต่อรอง หรือหากไม่ได้มาท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ สามารถซื้อแพ็กเกจทัวร์นำเที่ยวรอบเกาะจากบริษัททัวร์ต่างๆ ได้ ซึ่งสะดวกและประหยัดกว่า
ภูเก็ตแท็กซี่กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเมื่อท่านมาเยือนภูเก็ต สายด่วน 0980288961 คุณหมิง
เกาะไม่ท่อน
เป็นเกาะเล็กๆ ที่เงียบสงบตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต ห่างออกไปประมาณ 9 กิโลเมตรจากอ่าวมะนาวของท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต เป็นเกาะส่วนตัวที่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์มีปะการังงดงามมาก หาดทรายสีขาวละเอียด และน้ำทะเลใสสะอาด จึงเป็นเกาะที่ได้สมญานามว่า มัลดีฟ เมืองไทย ที่ได้ชื่อว่า "เกาะไม้ท่อน" เนื่องจากหากมองดูจากภาพถ่ายทางอากาศแล้ว เกาะแห่งนี้จะมีรูปร่างลักษณะเหมือนกับท่อนไม้นั่นเอง
การเดินทาง
การเดินทางมาได้ทั้งทางรถและทางเครื่องบินจากกรุงเทพฯ มีบริการรถรับ-ส่ง จากสนามบินนานาชาติภูเก็ตถึงท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต จากนั้นจะมีเรือเร็วซึ่งใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็จะถึงเกาะไม้ท่อน
ภูเก็ตแท็กซี่กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเมื่อท่านมาเยือนภูเก็ต สายด่วน 0980288961 คุณหมิง
เกาะสิเหร่
เป็นเกาะขนาดเล็กอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต มีคลองท่าจีน ซึ่งเป็นคลองเล็กๆ คั่นกลาง โดยมีสะพานเชื่อมติดต่อกันโดยสะดวก ปัจจุบันนี้ถือเป็นพื้นที่อันเดียวกับเกาะภูเก็ต บนยอดเขามีวัดเกาะสิเหร่ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ และสามารถชมวิวได้โดยรอบ ชายหาดบนเกาะสิเหร่ไม่เหมาะสำหรับการเล่นน้ำ เนื่องจากพื้นทรายมีโคลนปน และบริเวณแหลมตุ๊กแก เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวเลหรือชาวยิปซีทะเล ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการประมงพื้นบ้าน
การเดินทาง
อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 4 กิโลเมตร ไปตามถนนศรีสุทัศน์
ภูเก็ตแท็กซี่กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเมื่อท่านมาเยือนภูเก็ต สายด่วน 0980288961 คุณหมิง
เกาะตะเภา
เกาะตะเภาใหญ่
เป็นเกาะที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต มีบรรยากาศเงียบสงบและมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ เกาะนี้มีนกเงือกอาศัยอยู่ บนเกาะมีหาดหินสากและหาดหางเสือ เหมาะแก่การเดินชมวิวรอบๆ เกาะ อีกทั้งยังมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ บนเกาะมีร้านอาหารและที่พักให้บริการ
เกาะตะเภาน้อย
เป็นที่ตั้งของสถานีวัดระดับน้ำทะเลของภาคใต้ มีประภาคารเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกิส สร้างมาตั้งแต่ปี 2442 มีชายหาดยาวประมาณ 300 -400 เมตร มีหาดทรายขาวสะอาด สามารถลงเล่นน้ำได้ จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่าง คือ เป็นที่อยู่ของนกเงือกปัจจุบันมีจำนวนหลายคู่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่ตั้งอยู่ใกล้คียงกับเกาะตะเภาใหญ่
การเดินทาง
การเดินทางมายังเกาะตะเภาน้อย หรือ เกาะตะเภาใหญ่ ใช้เวลาเดินทางโดยทางเรือเฟอร์รี่จากอ่าวมะขามเพียง 10 นาที
ภูเก็ตแท็กซี่กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเมื่อท่านมาเยือนภูเก็ต สายด่วน 0980288961 คุณหมิง
เกาะนาคา
เป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียง เหนือของเกาะภูเก็ต มีหาดทรายสีขาวและเงียบสงบ ตั้งอยู่ถัดจากภูเก็ตไปทางตอนเหนือ ทะเลบริเวณนี้เหมาะแก่การว่ายน้ำ เกาะนาคาน้อยมีชื่อเสียงในเรื่องการเพาะเลี้ยงหอยมุก นักท่องเที่ยวสามารถซื้อทัวร์ ชมฟาร์มมุกพร้อมดูการสาธิตวิธีเลี้ยงมุก บนเกาะมีร้านขายมุก และร้านอาหารทะเลไว้บริการ
การเดินทาง
เกาะนาคาสามารถเดินทางไปได้ตลอดทั้งปี โดยขึ้นเรือได้ที่ท่าเรืออ่าวปอ
ภูเก็ตแท็กซี่กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเมื่อท่านมาเยือนภูเก็ต สายด่วน 0980288961 คุณหมิง
เกาะโหลน
เกาะโหลน เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ ผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ประกอบอาชีพประมง ทำสวนยางพารา และทำสวนมะพร้าว ส่วนทางชายฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ มีชายหาดที่ยาวมาก เกาะโหลนนี้ยังไม่ได้รับการพัฒนามากนัก จึงยังเป็นเกาะที่ยังคงมีบรรยากาศเงียบสงบ นักท่องเที่ยวไม่มากนัก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเกาะนี้เป็นทางเลือกที่ดีอีกแห่งหนึ่ง
การเดินทาง
ใช้เวลาเดินทางโดยเรือโดยสารจากอ่าวฉลอง ในจังหวัดภูเก็ต เพียง 20 นาทีเท่านั้น ปกติในช่วงเช้า จะมีเรือออกจากท่าเรืออ่าวฉลองเดินทางไปยังเกาะโหลนทุกวัน
ภูเก็ตแท็กซี่กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเมื่อท่านมาเยือนภูเก็ต สายด่วน 0980288961 คุณหมิง
เกาะแก้วพิสดาร
เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากแหลมพรหมเทพไปทางตอนใต้เพียงแค่ประมาณ 3 กิโลเมตรเท่านั้น ปัจจุบันได้ส่งเสริมให้เกาะนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติ และสักการะรอยพระพุทธบาท รอยที่ 5 ซึ่งประดิษฐานอยู่บนก้อนหินริมทะเลจำนวน 2 รอย ความเป็นธรรมชาติของเกาะแก้วพิสดารยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะริมทะเลซึ่งกำหนดให้เป็นเขตอภัยทานโดยมีสัตว์ทะเลชนิดต่างๆ อาศัยอยู่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นหอยน้ำพริก ปูตากซึ่งเป็นปูที่มีสีสันสวยงาม
การเดินทาง
การเดินทางไปยังเกาะแก้วพิสดารสามารถเดินทางไปได้ง่าย โดยขึ้นเรือหางยางที่บริเวณท่าเรือหลวงพ่อเสือหน้าหาดราไวย์ โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5-10 นาที
ภูเก็ตแท็กซี่กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเมื่อท่านมาเยือนภูเก็ต สายด่วน 0980288961 คุณหมิง
เกาะเฮ
เกาะคอรัล หรือที่รู้จักกันว่า เกาะเฮ ตั้งอยู่ที่ตอนใต้ของเกาะภูเก็ต เกาะเฮมีชื่อเสียงของความงาม ทางด้านปะการังใต้ท้องทะเล ดังนั้น เกาะนี้จึงมีชื่อเรียกว่า เกาะคอรัล ซึ่งแปล ว่าปะการัง
การเดินทาง
ใช้เวลาเดินทางโดยเรือสปีดโบ๊ท มายังเกาะเฮประมาณ 25 นาทีจากท่าเรืออ่าวฉลอง หรือ ท่าเรือราไวย์
ภูเก็ตแท็กซี่กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเมื่อท่านมาเยือนภูเก็ต สายด่วน 0980288961 คุณหมิง
เกาะบอน
เกาะบอน อยู่ทางตอนเหนือของ เกาะสิมิลัน เป็นแหล่งดำน้ำ ระดับโลก บริเวณที่ดำน้ำจะอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะประกอบไปด้วย ผนังที่ปกคลุมไปด้วยหินปูนชั้นนอก ประมาณ 33 เมตร ซึ่งหันเว้าเข้ามาที่สันเขาลงไป ความลึกอยู่ที่ประมาณ 45 เมตร ในพื้นที่เดียวกัน ยังมีเกาะตาชัย หมู่เกาะสุรินทร์ และริชเชริวร็อค
การเดินทาง
สามารถเช่าเรือหางยาวจากหาดราไวย์ไปยังเกาะบอนได้ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ภูเก็ตแท็กซี่กรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเมื่อท่านมาเยือนภูเก็ต สายด่วน 0980288961 คุณหมิง
วัดพระทอง (วัดพระผุด)
วัดพระทอง ตั้งอยู่ที่ถนนเทพกระษัตรี ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต สิ่งที่สำคัญที่สุดของวัดนี้คือ พระทองหรือพระผุด ซึ่งประดิษฐานอยู่ในวิหารมีลักษณะ เป็นพระครึ่งองค์ ซึ่งประวัติความเป็นมาของวัดพระทอง และหลวงพ่อพระทอง หรือพระผุด
เดิมที่สถานที่ที่ตั้งในปัจจุบันเป็นทุ่งกว้าง มีนา มีคลอง มีหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ ชาวบ้านเรียกว่าทุ่งนานี้ว่า ทุ่งนาใน วันหนึ่งมีเด็กชายนำกระบือไปเลี้ยงที่ทุ่งนา ได้นำเชือกล่ามกระบือไปผูกไว้กับตอไม้ริมคลองที่มีโคลนตมติดอยู่ แล้วเด็กชายคนนั้นก็กลับบ้านเกิดอาการเป็นลมตายและกระบือที่ล่ามไว้กับตอไม้ก็ตายด้วยกัน ต่อมาพ่อของเด็กชายคนนั้นก็ฝันว่าการที่เด็กและกระบือตาย เพราะเด็กนำเชือกล่ามกระบือไปผูกไว้กับเกศพระพุทธรูป พ่อของเด็กชายคนนั้นก็ชวนเพื่อนบ้านไปขัดล้างตอไม้ริมคลองนั้น จึงเห็นเป็นลักษณะเหมือนเกศพระพุทธรูปและเป็นทองคำ ชาวบ้านต่างพากันมาบูชาสักการะกันมากมาย เมื่อเจ้าเมืองทราบก็สั่งให้ทำการขุดพระพุทธรูปขึ้นมา ประดิษฐานไว้บูชา แต่ไม่สามารถขุดขึ้นมาได้เพราะบางคน ถูกตัวต่อ ตัวแตนอาละวาดเป็นพิษถึงแก่ความตาย เจ้าเมืองจึงสั่งให้ทำที่มุงที่บังเป็นสถานที่กราบไหว้เรื่อยมา ชาวบ้านจึงเรียกว่ากันพระผุด เพราะเป็นพระพุทธรูปที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน เพียงพระเกศมาลา สูงประมาณ 1 ศอก ส่วนคนจีนเรียกว่า พระผุดว่า ภูปุ๊ค (พู่ฮุก) เพราะชาวจีนเชื่อกันว่าเป็นพระผุดมา จากเมืองจีน เมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน คนจีนในภูเก็ต พังงา ตะกั่วป่า ท้ายเหมือง และกระบี่ จะพากันมานมัสการพระผุด เป็นประจำจนถึงทุกวันนี้
วัดท่าเรือ
วัดท่าเรือ เป็นวัดเก่าแก่บนถนนเทพกระษัตรี สร้างขึ้นเมื่อไรไม่มีใครจำได้ และไม่มีใครค้นพบหลักฐานมาก่อน แต่ผู้สูงอายุเล่าตรงกันว่า วัดนี้สร้างตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น คือสมัยสงครามพม่า มีพ่อท่านหลังเสือเป็นเจ้าอาวาส เมื่อสิ้นบุญพ่อท่านหลังเสือวัดนี้ก็ร้าง และได้มีการสร้างวัดขึ้นใหม่ ชื่อว่า “วัดใน” และวัดที่ร้าง นั้นเรียกว่า “วัดนอก” วัดที่สร้างใหม่นี้มี “พระแป๊ะ” เป็นเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสองค์ต่อมา คือ “พระแดง” ท่านเป็นชาวไชยา จังหวัดสุราษฏร์ธานี เมื่อ อุปสมบทที่ไชยาได้มาอยู่ที่จังหวัดกระบี่ก่อนแล้วจึงมาอยู่วัดใน ต่อมาก็มี “พระยาน” เป็นเจ้าอธิการ วัดท่าเรือ ก็มาเป็นเจ้าอาวาสวัดนอก พระยานมีความรู้ทางแพทย์แผนโบราณ ได้รักษาโรคภัยไข้ เจ็บให้แก่ชาวบ้าน ทำให้พุทธศาสนิกชนศรัทธาทำบุญเข้าวัด วัดก็เจริญขึ้นท่านพระยานไม่เพียง แต่รักษาโรคให้กับคนภูเก็ตเท่านั้น แต่ยังเดินทางไปรักษาผู้คนถึงจังหวัดอีโปในแหลมมลายูและ ที่ปีนังด้วย เมื่อพระยานลาสิกขาไป พระแดงจึงย้ายมาอยู่วัดนอก ด้วยวัดนอกเจริญกว่าและรวมเป็นวัดเดียวตั้งแต่นั้นมา เจ้าอาวาสองค์ต่อมา คือ”พระเจื้อม” พระผู้สร้างศาลาโรงธรรม และเป็นผู้ปฎิสังขรณ์โบสถ์ เมื่อพระเจื้อมลาสิกขาบทชาว บ้านจึงได้นิมนต์ “พระหนู อินทวโร” มาเป็นเจ้า อาวาส เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2475 – 2523 องค์ต่อมาคือ ”พระครูอุคโฆษ ธรรมคุณ” (หลวงพ่อสมร) เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 - 2530 และ “พระครูสุนทร ปริยัติธาดา” (หลวงพ่อสมใจ) เป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
วัดท่าเรือมีอาณาบริเวณทั้งหมด 50 ไร่ ตั้งอยู่ริม คลองน้ำไหล สมัยก่อนเป็นท่าเรือมีเรือใบสามหลัก เข้ามาจอด ฝั่งตรงข้ามคือบ้านเจ้าเมืองเก่า เมื่อ 300 ปีมาแล้วเมื่อคราวยังเป็นเมืองถลางอยู่ เนื้ออที่ประมาณ 30 ไร่ หลวงพ่อใช้ประโยชน์ด้วยการ ปลูกป่าถวายในหลวง หลวงพ่อสมใจซึ่งเป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ท่านกล่าวว่าวัดท่าเรือนี้มีวัตรปฎิบัติตามอย่าง ท่านพุทธทาส เน้นการเผยแผ่ธรรมะแก่ชาวบ้าน มากกว่าการให้ญาติโยมมาทำบุญทำทาน จึงไม่เน้นที่จะสร้างถาวรวัตถุอะไร ที่วัดนี้ไม่มีตู้ รับบริจาค ไม่เรี่ยไร ไม่บอกบุญ แล้วแต่ผู้มีจิต ศรัทธาจะบริจาค หากบริจาคก็จะนำไปเป็นทุน จัดอบรมศิลธรรมให้แก่นักเรียนที่โรงเรียนจัดมาเป็นประจำ ที่วัดจัดสร้างอาคารที่พักสำหรับ เข้าค่ายอบรม จุคนได้ถึง 120 คน และแยกชาย-หญิง และบางครั้งก็จัดอบรมครูสอนศิลธรรมด้วย ท่านเห็นว่าปัจจุบันบ้านเมืองกำลังเกิดปัญหา สังคม เพราะขาดบุคลากรอันเป็นตัวอย่างที่ดี แก่เยาวชน ภายในวัดร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้น้อยใหญ่ เมื่อใบร่วงหล่นลงจะกวาดไปสุมไว้ที่โคนต้นไม้ เพราะใบไม้จะช่วยคลุมดินทำให้ดินชุ่มชื้น มีประโยชน์มากกว่าโทษ
วัดท่าเรือจึงมีคุณสมบัติพร้อมที่จะนำพา พระพุทธศาสนิกชนข้ามสายน้ำแห่งโลกิยะ สู่ฝั่งโลกุตรธรรมตามแนวทางขององค์พระศาสดาพุทธเจ้า ประดุจลงเรือลำเดียวกัน
วัดเทพกระษัตรี
เมื่อ พ.ศ. 2328 ซึ่งตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช แห่งราชจักรีวงศ์ ประเทศไทยยังติดพันทำศึกสงครามกับพม่าอยู่ กองทัพพม่ายกมาตีไทย รวมทั้งหัวเมืองต่างๆ ทางใต้ด้วย ทำให้เกิดวีรกรรมของสองวีรสตรีขึ้นคือ ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร ซึ่งประวัติของท่าน ได้เกี่ยวข้องกับการสร้างวัดเทพกระษัตรี ดังจะกล่าวต่อไปนี้
ท่านทั้งสอง คือ คุณหญิงจันและคุณหญิงมุก สองพี่น้อง อาศัยอยู่ ณ บ้านดอน อันเป็นบ้านเกิดของท่าน (เหตุที่เรียกว่าบ้านดอนเนื่องจากว่าสถานที่แห่งนี้มีลักษณะคล้ายเกาะ เพราะมีน้ำล้อมรอบและเป็นที่สูงที่น้ำท่วมไม่ถึง) ในขณะนั้นพระยาถลางได้ถึงแก่กรรมลง ทางเมืองหลวง ได้แต่งตั้งข้าหลวงให้ลงมาตรวจสอบเงินภาษีของเมืองถลาง ปรากฏว่าเงินขาดหายเป็นจำนวนมาก คุณหญิงจันจึงถูกข้าหลวงจับตัวไป พอดีขณะนั้นทัพพม่าได้ยกทัพมาตั้งค่ายอยู่ ณ เมืองตะกั่วทุ่ง ที่ตำบลโคกกลอย ข้าหลวงได้ตั้งค่ายต่อสู้ พม่าที่บ้านท่าฉัตรไชย ได้ควบคุมตัวคุณหญิงจันไปด้วย ในไม่ช้าการรบครั้งใหญ่ก็อุบัติขึ้น ปรากฏว่าแม่ทัพไทย (ข้าหลวง) เสียชีวิตในที่รบ คุณหญิงจันจึงเป็นอิสระและหลบหนีพม่า มาอยู่ที่บ้านเดิม คือ บ้านดอน ได้รวบรวมชายฉกรรจ์ตลอด จนผู้หญิงตั้งค่ายต่อสู้ที่บ้านค่าย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของท่าน ประมาณสองกิโลเมตร การรบครั้งนี้ปรากฏว่า ท่านสามารถรักษาเมืองถลางไว้ได้ สามารถขับไล่พวกพม่าแตกกระจายไป ข่าวที่ท่านมีชัยชนะ ต่อพม่าได้ทราบถึง "กรมพระราชวังบวร” จึงยกกองทัพมาปราบพวกพม่าทางหัวเมืองฝ่ายใต้ ได้ตั้งทัพอยู่ ณ เมืองนครศรีธรรมราช กรมพระราชวังบวรได้มีใบบอกไปยังเมืองหลวงเกี่ยวกับวีรกรรม ของคุณหญิงจันและคุณหญิงมุก จึงได้มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้คุณหญิงจัน เป็นท้าวเทพกระษัตรี และคุณหญิงมุกเป็นท้าวศรีสุนทร ส่วนบ้านเดิม (บ้านดอน) ของท้าวเทพกระษัตรี ก็ถูกพวกพม่าราวีเช่นเดียวกัน ขณะนั้นที่บ้านดอนมีสำนักสงฆ์อยู่แห่งหนึ่งมี พระฝา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อฝา (ปัจจุบันได้เรียนเพี้ยนกันมาเป็น “หลวงพ่อเจ้าฟ้า”) หลวงพ่อฝาเป็นคนต่างจังหวัด ถือสำนักสงฆ์ที่แห่งนี้จำพรรษาอยู่ หลวงพ่อฝาเป็นที่เคารพ นับถือของชาวบ้านดอนตลอดจนหมู่บ้านอื่นๆ กิตติศัพท์เป็นที่กล่าวขานในด้านเวทมนต์คาถาและอยู่ยงคงกระพันมาก พวกพม่าจะบุกจู่โจมเพื่อเอาบ้านท้าวเทพกระษัตรีเป็นที่รวมพลและตั้งค่าย แต่เส้นทางที่พม่าจะบุกจู่โจมบ้านท้าวเทพกระษัตรีนั้นจะต้องผ่าน สำนักสงฆ์ของหลวงพ่อฝาก่อน ดังนั้นจะต้องมีการสู้กันระหว่างหลวงพ่อฝาซึ่งเป็นผู้นำชาวบ้าน กับพวกพม่า หัวหน้าพม่าจึงได้มีการตกลงท้าทายกับหลวงพ่อฝา ว่าถ้าการต่อสู้ระหว่างหัวหน้าพม่ากับหลวงพ่อฝาที่จะเกิดขึ้นหากพม่าเป็น ฝ่ายแพ้จะไม่ทำอันตรายต่อสำนักสงฆ์ของท่านตลอดชาวบ้านด้วย แต่ถ้าพม่าเป็นฝ่ายชนะก็จะต้องยอมให้พม่าไปตั้งค่ายในบ้านท้าว เทพกระษัตรีได้ เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเตรียมการจัดการต่อสู้กัน ก่อนจะทำการต่อสู้กันหัวหน้าพม่าได้สืบทราบมาว่า หลวงพ่อฝาเป็นผู้มีเวทมนต์คาถาอยู่ยงคงกระพัน ดังนั้นหัวหน้าพม่าจึงคิดจะแก้เคล็ดเพื่อที่จะเอาชนะหลวงพ่อฝาให้ได้ เมื่อถึงวันที่จะทำการต่อสู้กัน หัวหน้าพม่าได้เอาข้าวไปกำมือหนึ่งถามหลวงพ่อว่า "นี่คืออะไร” หลวงพ่อฝาตอบโดยไม่เฉลียวใจว่า “ข้าว(เข้า)” ทันใดนั้นหัวหน้าพม่าก็ชักดาบพันหลวงพ่อฝาขาดสะพายแล่ง หลวงพ่อฝาได้เอามือรับร่างของท่านไว้ก่อนจะหล่นถึงพื้นมาต่อเ ข้ากับรอยเดิมแล้วใช้มือรูปตามรอยแผล ร่างของท่านก็ต่อได้เหมือนเดิม เมื่อพม่าเห็นเช่นนั้นก็ตกใจยอมแพ้ถอยทัพกลับ ไม่ทำอันตราย ตามที่สัญญาไว้ครั้นเรื่องอภินิหารของหลวงพ่อฝาแพร่สะพัดออกไปปรากฏว่าเป็นที่ชื่นชมยินดี เคารพนับถือของชาวถลาง ทั่วไปเป็นอย่างมากหลังจากท้าวเทพกระษัตรีกวาดล้างศัตรูอันเป็นเสี้ยนหนาม ของเมืองถลางหมดสิ้นแล้วเกิดศรัทธาที่จะสร้างวัดเพื่อเป็นการฉลองชัยชนะ ที่ท่านมีต่อพม่าซึ่งเป็นประเพณีในสมัยโบราณ จึงปรึกษากับกรรมการเมืองถลาง ได้ประชุมลงมติให้สร้างวัด ณ สำนักหลวงพ่อฝา ที่ท่านร่วมมือกวาดล้างศัตรูของเมืองถลาง ให้ชื่อวัดนี้ว่า วัดดอน ให้หลวงพ่อฝาเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้เป็นรูปแรกหลังจากท่านมรณะภาพแล้ว บรรดาสานุศิษย์ทั้งหลาย ได้ปั้นรูปของท่านไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งยังคงมีอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ ต่อมาคณะกรรมการจังหวัดสนใจสืบหาประวัติวัดนี้ว่าใครเป็นผู้สร้าง สร้างเพื่ออะไร มีความเป็นมาอย่างไร เมื่อสืบประวัติแล้ว จึงประชุมกรรมการจังหวัดลงมติให้เปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่ เป็นวัดเทพกระษัตรี ทั้งนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ท้าวเทพกระษัตรีผู้สร้างวัดนี้ วัดนี้อยู่ห่างจากบ้านเดิมของท้าวเทพกระษัตรีประมาณ 15 เส้นเป็นและเป็นวัดแรกที่สร้างขึ้นในจังหวัดภูเก็ต
วัดมงคลนิมิตร
ปัจจุบันเป็นวัดหลวงประจำจังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
วัดมงคลนิมิตร ปัจจุบันมีพระราชวิสุทธิมุณีเจ้าคณะจังหวัดเป็นเจ้าอาวาสวัดมงคลนิมิตรเป็นวัดที่มีความเก่าแก่วัดหนึ่งในเมืองภูเก็ตและคงจะเป็นวัดหลวงแต่ครั้งตั้ง เมืองภูเก็ตหลังจากเมืองถลางถูกพม่าทำลายลง คงจะราวรัชกาลที่ 3 เป็นต้นมาเพราะก่อนจากนี้เมือง ภูเก็ตอยู่แถววัดเก็ตโฮ่ วัดมงคลนิมิตร ใครเป็นผู้สร้างไม่ปรากฎแน่ชัดไม่มีหลักฐานแต่เจ้าเมืองภูเก็ตได้ปฏิสังขรณ์ทะนุบำรุงนี้ตลอดมา แต่เดิมธรณีสงฆ์ของวัดมงคลนิมิตรกว้างขวางมาก คือ ทางตะวันตกก่อนที่ถนนเยาวราชยังไม่ผ่านที่ของวัดไปถึงโรงเรียนปลูกปัญญา วัดคุณชี ทางตะวันออกจดถนนเทพกษัตรีย์ บนเขารังที่ดงตาลโตนดก็เป็นที่ของวัด ปัจจุบันธรณีสงฆ์จึงมีน้อยลง
ประวัติวัดมงคลนิมิตร
เล่ากันว่าพระยารัษฎาฯ จะตัดถนนผ่านวัดโดยตัดจากซอยรมณีย์ออกถนนทุ่งคาแต่ท่านพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ (เพรา) ท่านไม่ยอมเพราะจะต้องตัดตรงผ่านโบสถ์ด้วยถ้าตัดถนนผ่านวัดคราวนั้นธรณีสงฆ์อาจแคบกว่าที่เป็นอยู่ก็เป็นได้ แต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ได้เสด็จไปวัดมงคลนิมิตร ท่านพระครูวัดฉลองเป็นเจ้าคณะจังหวัดและเป็นเจ้าอาวาสวัดมางคลนิมิตรด้วย ทรงเห็นโบสถ์ชำรุดทรุดโทรมไปมากแล้วจึงโปรดเกล้าให้พระยาศรีสรราช จัดการซ่อมแซมโบสถ์ ในคราวกระทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ของมณฑลภูเก็ต พระราชพิธีได้จัดที่วัดนี้ จากรายงานของหลวงวรากรราชกิจ ปลัดกรมสรรพากรนอกกระทรวงมหาดไทยซึ่งตามประกาศตราตั้งให้หลวงวรากร นำน้ำพระพิพัฒน์จากกรุงเทพฯ มายังมณฑลภูเก็ต โดยลงเรือกลไฟ ชื่อตราด จากกรุงเทพฯ ถึงสงขลาแล้วย้อนมาพัทลุง ถึงเมืองตรังมีหม่อมเจ้าประดิพัท เกษมศรี ปลัดมณฑลภูเก็ตกับพระสกลสถานพิทักษ์ผู้ว่าราชการเมืองตรังได้กระทำการถือน้ำที่วัดกันตังครั้นถึงวันที่ 9 พฤศจิการยน พ.ศ. 2453 หม่อมเจ้าประดิพัทธ เกษมศรี ปลัดมณฑลภูเก็ตกับพระสกลสถานพิทักษ์ ผู้ว่าราชการเมืองตรังได้กระทำการถือน้ำที่วัดกันตังครั้นถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453 หม่อมเจ้าประดิพัทธ์ ได้จัดตั้งพิธีถือน้ำ ณ วัดมงคลนิมิตร ข้าราชการผู้ใหญ่น้อยฝ่ายทหารและพลเรือนมาประชุมพร้อมกันโดยกระทำสัตย์สาบานต่อหน้าพระพุทธปฏิมากร และพระบรมรูปพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วได้ดื่มน้ำโดยทั่วกัน ในครั้งนี้พ่อค้าจีนได้ตัดเปียด้วย
วัดมงคลนิมิตรมีพระพุทธรูปทององค์หนึ่ง กล่าวว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยเดียวกันกับ พระพุทธรูปทองวัดไตรมิตร กรุงเทพมหานครฯ เดิมอยู่ในเจดีย์หน้าโบสถ์ รวมกับพระพุทธรูปแบบพม่าครั้งแรก ลงรักสีดำ ได้ขัดกันมาหลายครั้ง ต่อมาเห็นรอยด้านหน้าร้าวจึงได้ขัดทั้งองค์โดยท่านเจ้าคุณรูปปัจจุบันได้เรียกช่างมาดู ปรากฎว่าเป็นทองดังกล่าวมาแล้ว สำหรับเจ้าคณะจังหวัดหลังจากท่านพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุรี (หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง) แล้วรูปถัดมาคือ พระวิสุทธิวงศาจารย์ (ไข่) พระราชวิสุทธิวงศาจารย์ (เพรา) และท่านเจ้าคุณ รูปปัจจุบัน คือ พระราชวิสุทธิมุนี (ริ่น) เป็นเจ้าอาวาสและเจ้าคณะจังหวัดภูเก็ต
วัดพระนางสร้าง
วัดพระนางสร้างเป็นวัดประจำอำเภอถลาง ตั้งอยู่เลขที่ 184 บ้านตะเคียน หมู่ที่ 1 ถนนเทพกระษัตรี ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต สังกัดคณะสงฆ์นิกายมหานิกาย มีเนื้อที่ 19 ไร่ 1 งาน 79 ตารางวา สค.1 เลขที่ 149 เป็นพื้นที่ธรณีสงฆ์ 84 ไร่ 1 งาน 21 ตารางวา มีอุโบสถ 2 หลัง
อุโบสถหลังเก่า
กว้าง 9.50 เมตร ยาว 17.50 เมตร บูรณะมาแล้วหลายครั้ง ภายในโบสถ์มีพระประธาน ปางสมาธิจำนวน 3 องค์ ซึ่งจากด้านหลังของพระพุทธรูปทั้งสามองค์มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ยาว 3.50 เมตร เล่ากันว่ามีพระพุทธรูปทองคำอยู่ภายในองค์พระ แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ ปัจจุบันโบสถ์หลังเก่านี้กรมศิลปากรได้ประกาศ ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ไว้เป็นโบราณสถานของชาติแล้ว
อุโบสถหลังใหม่
กว้าง 16 เมตร ยาว 24 เมตร วัดพระนางสร้าง สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2301 เกี่ยวข้องกับตำนานนางเลือดขาว เมืองนครศรีธรรมราช ที่เล่าสืบต่อกันมาว่านางเลือดขาวเป็นภรรยา เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ถูกเสนาบดีกลั่นแกล้งใส่ร้าย กล่าวหาว่าเป็นชู้กับมหาดเล็กโทษจะต้องประหารชีวิต แต่พระนางได้ขอผ่อนผันให้ไปนมัสการ พระบรมธาตุที่ศรีลังกาก่อน หลังจากนั้นจะกลับมารับโทษประหารชีวิต ขากลับจากนมัสการพระบรมธาตุพระนางได้แวะที่เกาะถลาง และสร้างวัด ขึ้นไว้แล้วเดินทางกลับไปรับโทษประหารชีวิต โลหิต ของประนางที่ไหลออกมามีสีขาวเป็นที่อัศจรรย์ จึงพากันเรียกพระนางว่า พระนาง เลือดขาว ส่วนวัดที่พระนางสร้างไว้เมื่อแวะที่เกาะถลางเรียกกันว่า วัดพระนางสร้าง แต่ชาวบ้านนิยมเรียกสั้นๆ ว่า วัดนางสร้าง
ข้อมูล : เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่งดงามยากจะบรรยาย และถือเป็น พระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะภูเก็ต เลยก็ว่าได้ องค์พระประดับด้วยหินอ่อนหยกขาว จากประเทศพม่า โดยจะมองเห็นได้เด่นชัดมาก เนื่องจากตั้งอยู่บนยอดเขา เมื่อมองจากด่านล่างแล้ว จะเห็นความสง่างาม จนยากจะบรรยายจริง ๆ และเมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นไปกราบไหว้ สักการะ นอกจากจะได้บุญ และจิตใจสงบแล้ว ยังสามารถสัมผัส กับ ทัศนียภาพที่งดงาม ของจังหวัดภูเก็ต ได้อย่างชัดเจน และสวยงามเป็นอย่างมากอีกด้วย
การเดินทาง : จากวัดฉลองมุ่งหน้า ห้าแยกฉลอง ให้เลี้ยวขวาก่อนถึงไฟแดง **สังเกตุจะมีป้ายบอกทางหน้าซอย** พอเลี้ยวเข้าซอย ก็ตรงขึ้นเขาขับไปตามทางก็จะถึงจุดจอดรถที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ ขับรถด้วยความระมัด ระวังนะครับ
วัน-เวลา : สามารถขึ้นไปกราบไหว้-สักการะ ได้ทุกวันครับ ตั้งแต่เวลา 8.00 - 19.00 น.
วัดไชยธาราราม เดิมชื่อวัดฉลอง ตั้งอยู่อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เป็นที่รู้จักของคนโดยทั่วไป จากเรื่องราว ความศักดิ์สิทธิ์และคุณความดี ของหลวงพ่อแช่ม ปัจจุบันเป็นสถานที่ สำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของจังหวัดภูเก็ต ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาภูเก็ต จึงควร แวะมาทำบุญที่วัดเพื่อเป็น ศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
แนะนำที่เที่ยว
เกาะภูเก็ต เมืองสวรรค์ของการท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ฮอตฮิตติดระดับโลก ถ้าใครได้มาภูเก็ตเป็นต้องตกหลุมรักกับธรรมชาติสวยๆ บรรยากาศดี ทั้งทะเลน้ำใส และหาดทรายขาว รวมไปถึงอาหารพื้นเมืองของภูเก็ตอย่างแน่นอน!
มาเที่ยวภูเก็ต หากไม่เตรียมตัวหาข้อมูลล่วงหน้า อาจจะพลาดของดีก็ได้นะคะ เพราะของดี ของภูเก็ตใช่ว่าจะมีน้อยนิด นอกจากทะเลที่เป็นจุดเด่นสำคัญแล้ว ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายที่รอให้คุณได้มาเที่ยว มาสัมผัสกันอยู่นะคะ แต่จะเที่ยวอย่างเดียวก็กะไรอยู่ ต้องหาของกินอร่อยๆ ด้วยสิคะ อาหารภูเก็ตเด็ดไม่ใช่น้อย เพราะเป็นอาหารที่ผสมผสานกันทางวัฒนธรรมระหว่างอาหารไทย จีน และอิสลาม มีเมนูเด็ดเยอะแยะมากมาย กินได้ทุกวันไม่ซ้ำร้านเลยทีเดียว
แลนด์ดิ้งลงภูเก็ตกันแล้ว
มาภูเก็ตด้วยเครื่องบินสะดวกที่สุดแล้วค่ะ จากกรุงเทพ มาภูเก็ต ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงนิดๆ เครื่องบินก็แลนด์ดิ้งลงภูเก็ตแล้วค่ะ ชิลล์ๆ กันเลย ถ้าหาโปรดีๆ โปรแรงๆ ราคาไม่แพง ก็เซฟเงินในกระเป๋าแบบง่ายๆ ได้แล้วค่ะ
เริ่มต้นด้วยการ ไปนมัสการ หลวงพ่อแช่ม ที่ "วัดฉลอง"
นมัสการ หลวงพ่อแช่ม ที่ “วัดฉลอง”
เริ่มกันที่นี่เลย.. “วัดฉลอง” หรือชื่อที่เรียกเป็นทางการ ก็คือ “วัดไชยธาราม” เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต มีประวัติมายาวนาน ถ้าใครได้มาภูเก็ตจะต้องมาแวะนมัสการ หลวงพ่อแช่ม แห่งวัดฉลอง ด้วยนะคะ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองเป็นอันดับแรกเลยค่ะ
แนะนำที่เที่ยว
ขึ้นไปจุดชมวิวสุดฮิต “แหลมพรหมเทพ”
จุดชมวิวสุดฮิต “แหลมพรหมเทพ”
ขึ้นมาจุดชมวิว “แหลมพรหมเทพ” สมัยก่อนชาวบ้านจะเรียกแหลมนี้ว่า “แหลมเจ้า” เป็นแหลมยอดฮิต ใครๆ ก็มาชอบมาที่นี่ ไม่ว่าจะมาถ่ายรูป ถ่ายพรีเวดดิ้ง และมาชมพระอาทิตย์ตกดินก็ต้องที่นี่เลย ถือว่าเป็นจุดที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้ชัดที่สุด และถูกจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 1 ของภูเก็ตในใจของนักท่องเที่ยวหลายๆ คนด้วยนะคะ จะบอกให้!
เล่นน้ำทะเล ที่ “หาดในหาน”
เล่นน้ำทะเล ที่ “หาดในหาน”
แวะมา “หาดในหาน” เป็นหาดที่อยู่ถัดจากแหลมพรหมเทพขึ้นไปทางทิศเหนือ ใกล้ๆหาดจะมีบึงขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งชาวบ้าน เรียกว่า “หนองหาน” นิยมสำหรับนอนอาบแดดของชาวต่างชาติ หาดทรายเม็ดเล็กละเอียด มีแหล่งขายของที่ระลึกในบริเวณรอบด้วยค่ะ มาเดินเหยียบทราย เล่นน้ำทะเล ซึมซับบรรยากาศตามฉบับนักท่องเที่ยว
ไปเที่ยวบนเนินเขาหาดกะหลิม ที่ “U zenmaya Phuket”
เที่ยวหาดกะหลิม ที่ “U zenmaya Phuket”
“U zenmaya Phuket” ตั้งอยู่บนเนินเขาหาดกะหลิม สัมผัสกลิ่นอายทะเลได้อย่างใกล้ชิด และมองวิวท้องทะเลของอ่าวป่าตองโดยไม่มีอะไรปิดกั้น ชิมอาหารท้องถิ่นที่ห้องอาหาร Zea Scapeเป็นห้องอาหารบรรยากาศดี ได้สัมผัสสายลม และแสงแดด ฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งอย่างใกล้ชิด มองเห็นวิวสวยๆ สุดแสนจะฟิน
แนะนำที่เที่ยว
นั่งอาบแดด ที่ “หาดป่าตอง”
“หาดป่าตอง”
“หาดป่าตอง” สถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ ใครไป ใครมาภูเก็ต เป็นอันต้องขอมาเยื่อนที่หาดป่าตอง พักผ่อนริมชายหาด ทานอาหารทะเลสดๆ หรือจะนอนอาบแดดชิลล์ๆ บนหาด ก็เลือกได้เลยค่ะ
ลองเล่น “พาราชู๊ต” ที่หาดป่าตอง
เล่น "พาราชู๊ต" ที่หาดป่าตอง
"หาดป่าตอง" มีกิจกรรมสนุกๆ ให้นักท่องเที่ยวมากมาย อย่าง “เล่นพาราชู๊ต” ที่ให้ความรูสึกเหมือนไปแตะขอบฟ้า เป็นการ “โดดร่ม” ริมชายหาด ใครที่ไม่กลัวความสูงต้องลองเลยค่ะ ความฟินอยู่ที่ตอนลอยขึ้นไป ขาเราจะห้อยกลางอากาศบนความสูงเกินตึก 5 ชั้น แค่คิดตามความสูงก็หวาดเสียวแล้วค่ะ มาทั้งทีก็อย่าให้เสียเที่ยวนะคะเล่นพาราชูตติ้งต่อคน คือ 1,500 บาท ใช้เวลาประมาณ 10 นาที นะคะ
เดินเที่ยวถนนถลาง “ซอย รมณีย์” ย่านเก่าเมืองภูเก็ต
ถนนถลาง “ซอย รมณีย์” ย่านเก่าเมืองภูเก็ต
เที่ยวบนถนนถลาง ใน "ซอย รมณีย์" ย่านเก่าเมืองภูเก็ต เดินชมสถาปัตยกรรมชิโน โปรตุกีส ที่มีตำนานสืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่น เป็นถนนสายประวิติศาสตร์ตรงช่วงนี้จะมีอาคารตึกแถวเก่า ยังคงอนุรักษ์เอาไว้ให้มีรูปแบบเดิมๆ เป็นสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยงเช่นกันค่ะ
แวะถ่ายรูปกราฟฟิตี้สุดเก๋ ที่กำลังอินเทรนด์มากในตอนนี้
กราฟฟิตี้สุดฮิต ที่กำลังอินเทรนด์มากในตอนนี้ ใครไปใครมาก็ต้องออกตามล่า จุดถ่ายภาพสุดแนว ที่ให้เลือกถ่ายกันหลากหลายจุด ภาพกราฟฟิตี้ภาพนี้อยู่บริเวณตลาดดาวน์ทาวน์ เลี้ยวเข้าซอยตลาดดวาน์ทาวน์ กราฟฟิตี้อยู่ท้ายซอยด้านขวามือค่ะ
ชมวิวเมืองภูเก็ต ที่ “เขารัง”
“เขารัง” เป็นเนินเขาเตี้ยๆ อยู่ในตัวเมืองภูเก็ต มีทางรถยนต์ขึ้นไปได้โดยสะดวก หรือจะขับมอเตอร์ไซต์ขึ้นมาก็ได้นะคะ ชิลล์ไปอีกแบบค่ะ เขารัง เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นบ้านเรือนที่อยู่ด้านล่างในเมืองภูเก็ต และสามารถมองไปได้ไกลถึงทะเลอีกด้วยนะคะ
แล้วแวะชิม “ชากังราว” บะหมี่สูตรโบราณ
เดินชิลล์ ชมเรือ ที่ “แหลมพันวา”
เดินชิลล์ ชมเรือ ที่ “แหลมพันวา”
“แหลมพันวา” อยู่ในตำบลวิชิต อ.เมืองภูเก็ต ห่างจากตัวเมือง 15 กม. และห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ประมาณ 45 กม. เป็นแหลมที่มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อยู่ปลายแหลมพันวา และปลายสุดของถนนศักดิเดชค่ะ แหลมพันวายังทีโรงแรมที่เป็นสถานที่พักระดับหรูอีกด้วยนะคะ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมากค่ะ
นั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่ “Baba Nest”
“Baba Nest”
“Baba Nest” วิวพาโนราม่า 360 องศา ติด 1 ใน 3 ของบาร์ติดชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ปี 2011 จาก CNN International อยู่ในส่วนของโรงแรมศรีพันวา อยู่บนยอดปลายแหลมพันวา สามารถมองเห็นวิวทะเล และท้องฟ้า หมู่เกาะบริเวณรอบๆ รวมไปถึงเรือที่แล่นผ่านไปมาด้วยค่ะ บรรยากาศดี วิวสวย นั่งมองดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับของฟ้า เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขจริงๆ ค่ะ
รู้งี้แล้ว เตรียมตัวเก็บของใส่กระเป๋า พร้อมตีตั๋ว จองห้องมาเที่ยวภูเก็ตกันเลยมั้ยคะติดตามข้อมูลเรื่องกินเที่ยวในภูเก็ตแบบเจาะลึกที่คนพื้นที่แนะนำได้ที่เพจ ภูเก็ตหรอยอย่างแรง นะคะ
แนะนำที่กิน
“หมอมูดง” ร้านอาหารพื้นเมืองภูเก็ต
มาถึงภูเก็ต ต้องมาสัมผัสบรรยกาศความเป็นโลคอล แบบบ้านๆ ชิมรสชาติอาหารแบบพื้นเมืองภูเก็ต รสเด็ดหลากหลายเมนู เช่น ใบเหลียงผัดไข่ น้ำชุบหยำกุ้งสด แกงเลียง ปลาทูยัดไส้ หมูคั่วเกลือ และลำเพ็งต้มส้ม แต่ละเมนูมีความเด็ดไม่แพ้กันเลยค่ะ ถ้าไม่ได้ชิมร้านนี้ถือผิด! เดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง!! พิกัดร้าน เลี้ยวเข้ามาทางซอยป่าหลาย ขับผ่านสวนสัตว์ภูเก็ต มองหาป้ายโพงพางซีฟู้ด แล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามาสุดซอย ย้ำเลยค่ะ สุดซอยนะคะ แล้วจะเจอร้าน “หมอมูดง” ที่เราตามหาค่ะ
มาถึงภูเก็ต ต้องมาสัมผัสบรรยกาศความเป็นโลคอล แบบบ้านๆ ชิมรสชาติอาหารแบบพื้นเมืองภูเก็ต รสเด็ดหลากหลายเมนู เช่น ใบเหลียงผัดไข่ น้ำชุบหยำกุ้งสด แกงเลียง ปลาทูยัดไส้ หมูคั่วเกลือ และลำเพ็งต้มส้ม แต่ละเมนูมีความเด็ดไม่แพ้กันเลยค่ะ ถ้าไม่ได้ชิมร้านนี้ถือผิด! เดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง!! พิกัดร้าน เลี้ยวเข้ามาทางซอยป่าหลาย ขับผ่านสวนสัตว์ภูเก็ต มองหาป้ายโพงพางซีฟู้ด แล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามาสุดซอย ย้ำเลยค่ะ สุดซอยนะคะ แล้วจะเจอร้าน “หมอมูดง” ที่เราตามหาค่ะ
"หมูฮ้อง" อาหารพื้นเมืองภูเก็ต
“หมูฮ้อง” หรือ “หมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว” เป็นอาหารพื้นเมืองจังหวัดภูเก็ต มาจากชาวจีนฮกเกี้ยนที่อพยพมาเมืองภูเก็ต พร้อมหอบสูตรอาหารเด็ดเข้ามาด้วย เป็นหมูสามชั้นชิ้นโตๆ เนื้อแดงเยอะ มันก็เยอะเช่นกัน! รสชาติหวานหอม เข้มข้นเครื่องเทศที่เคี้ยวนาน จนซึมเข้าไปในเนื้อหมูสามชั้น ถ้าได้ข้าวสวยร้อนๆ อื้อหือ ฟิน!
หมูฮ้องในภูเก็ตมีหลายร้าน อย่างเช่น ร้าน “ระย้า” , ร้าน “วันจันทร์” , ร้าน “ตู้กับข้าว” , ร้าน “ครัวเอ็น.ซี.” และร้าน “กล้วยน้ำว้า”
“หมี่ฮกเกี้ยน” อาหารพื้นเมืองภูเก็ต
“หมี่ฮกเกี้ยน” เป็นพื้นเมืองอาหารของคนภูเก็ตเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน จะเป็นลักษณะหมี่เส้นเหลืองกลมเส้นจะใหญ่กว่าบะหมี่ทั่วไป ผัดแบบน้ำขลุกขลิกพร้อมใส่เนื้อหมู ปลา ปลาหมึก เพิ่มความเด็ดด้วยการใส่ไข่ ต้องเป็นไข่แบบไม่สุกจะเด็ดมาก เคียงหอมแดง หรือ แคปหมู เริ่มต้นที่จานละ 50 บาท ถ้ามาภูเก็ตแล้วต้องมาชิมหมี่ฮกเกี้ยนนะคะ ถ้าไม่ได้ชิม ถือว่ามาไม่ถึงเลยน้า
หมี่ฮกเกี้ยนในภูเก็ตมีหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็น ร้าน “หมี่ต้นโพธิ์”, ร้าน “หมี่อ่าวเก” และร้าน “หมี่สะปำ” หากมาเที่ยวภูเก็ต ต้องแวะชิมหมี่ฮกเกี้ยนร้านเหล่านี้เลยนะคะ
กินติ่มซำเสิร์ฟยำถาด ที่ร้าน “โชคชัยติ่มซำ”
“หมี่ฮกเกี้ยน” เป็นพื้นเมืองอาหารของคนภูเก็ตเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน จะเป็นลักษณะหมี่เส้นเหลืองกลมเส้นจะใหญ่กว่าบะหมี่ทั่วไป ผัดแบบน้ำขลุกขลิกพร้อมใส่เนื้อหมู ปลา ปลาหมึก เพิ่มความเด็ดด้วยการใส่ไข่ ต้องเป็นไข่แบบไม่สุกจะเด็ดมาก เคียงหอมแดง หรือ แคปหมู เริ่มต้นที่จานละ 50 บาท ถ้ามาภูเก็ตแล้วต้องมาชิมหมี่ฮกเกี้ยนนะคะ ถ้าไม่ได้ชิม ถือว่ามาไม่ถึงเลยน้า
หมี่ฮกเกี้ยนในภูเก็ตมีหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็น ร้าน “หมี่ต้นโพธิ์”, ร้าน “หมี่อ่าวเก” และร้าน “หมี่สะปำ” หากมาเที่ยวภูเก็ต ต้องแวะชิมหมี่ฮกเกี้ยนร้านเหล่านี้เลยนะคะ
กินติ่มซำเสิร์ฟยำถาด ที่ร้าน “โชคชัยติ่มซำ”
ติ่มซำเสิร์ฟยำถาด ที่ร้าน “โชคชัยติ่มซำ”
“โชคชัยติ่มซำ” ร้านนี้มีจุดเด่นตรงที่ เสิร์ฟติ่มซำให้โต๊ะละถาด ไม่ว่าจะมากลุ่ม มาเดี่ยว ก็เสิร์ฟเป็นถาดๆ เลยค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องทานหมดทั้งถาดนะคะ ชอบถ้วยไหน หยิบถ้วยนั้นออกจากถาด แล้วชิมได้เลย เวลาคิดเงินก็นับตามจำนวนถ้วยที่ทานค่ะ ส่วนถ้วยไหนที่ไม่ถูกเลือก ก็จะถูกส่งไปนึ่งร้อนต่อค่ะ ราคาเริ่มที่ถ้วยละ 8 บาทเท่านั้นค่ะ
ขึ้นเขาไปชมวิวเมืองภูเก็ต ที่ “เขารัง”
“โชคชัยติ่มซำ” ร้านนี้มีจุดเด่นตรงที่ เสิร์ฟติ่มซำให้โต๊ะละถาด ไม่ว่าจะมากลุ่ม มาเดี่ยว ก็เสิร์ฟเป็นถาดๆ เลยค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องทานหมดทั้งถาดนะคะ ชอบถ้วยไหน หยิบถ้วยนั้นออกจากถาด แล้วชิมได้เลย เวลาคิดเงินก็นับตามจำนวนถ้วยที่ทานค่ะ ส่วนถ้วยไหนที่ไม่ถูกเลือก ก็จะถูกส่งไปนึ่งร้อนต่อค่ะ ราคาเริ่มที่ถ้วยละ 8 บาทเท่านั้นค่ะ
ขึ้นเขาไปชมวิวเมืองภูเก็ต ที่ “เขารัง”
ร้าน "ชากังราว" บะหมี่สูตรโบราณ
“ชากังราว” สูตรก๋วยเตี๋ยวของร้านนี้เป็นสูตรน้ำซุบที่ใช้กระดูกหมูส่วนที่เป็นสันหลังเท่านั้น นำมาเคี่ยวเป็นเวลานานหลายชั่วโมง น้ำซุบที่หวานกลมกล่อม ใช้น้ำมะนาวสดที่คั้นเอง พริกแห้ง และถั่วลิสงคั่วเอง เป็นรสชาติความอร่อยที่ตรงตามสูตร รสชาติเด็ดติดใจจริงๆ พิกัดร้าน “ชากังราว” ถนนปฏิพัทธิ์ ร้านอยู่ตรงข้ามเยาว์เย็นตาโฟ นะคะ
ต้องลองชิม “อาโป้ง แม่สุณี” ขนมพื้นเมืองภูเก็ต
“อาโป้ง แม่สุณี” ขนมพื้นเมืองภูเก็ต
“อาโป้ง” ขนมพื้นเมืองภูเก็ต เป็นขนมของว่าง ไว้ทานเล่นระหว่างมื้อ เป็นแป้งบางๆ กรอบๆ รสชาติหวานมัน หอมกะทิ ทำให้เป็นที่ถูกใจของทุกคน ยิ่งถ้าได้ทานกับชาร้อน หรือชาเย็นสักแก้ว ฟินกันไปเลยค่ะ เสนอราคาอยู่ที่ 7 ชิ้น 20 บาท นะคะ
แวะชิมไอศกรีมทอด “สุชาติ สามกอง”
ไอศกรีมทอด “สุชาติ สามกอง”
มาแถวสามกอง ต้องห้ามพลาด ร้านนี้เลย “สุชาติไอศกรีม” เป็นร้านเด็ด ที่คนภูเก็ตรู้กัน เมนูที่ต้องลองเลย คือ ไอศกรีมทอดค่ะ มีทั้งรสวานิลลา และช็อกโกแลต โรยผงโอวัลติน แล้วราดด้วยนมข้น นมปังกรอบนอก ด้านในเป็นไอศครีมเย็นๆ ฟินอย่าบอกใคร เสนอในราคา 1 ก้อน 20 บาท, 2 ก้อน 40 บาท (ราคานี้มีป้ายติดที่ร้านเลยค่ะ)
กินขนมจีน ร้าน “แม่ติ่ง”
ขนมจีน ร้าน “แม่ติ่ง”
ร้าน "ขนมจีนแม่ติ่ง” มีน้ำแกงให้เลือกเยอะ แถมให้เราเป็นคนตักราดน้ำแกงได้เองเลยค่ะ และบนโต๊ะของทุกโต๊ะ จะมีบุฟเฟ่ต์ผัก กินกันไม่อั้น มีทั้งผักสด ผักดอง ผักพื้นบ้าน เยอะแยะไปหมด ที่เราสามารถเลือกทานได้เลยค่ะ ทานเยอะแค่ไหนก็ไม่มีคิดตังเพิ่มนะคะ
ชิมบะหมี่แห้งน้ำซุปกุ้ง ที่ร้าน “สมจิตต์”
บะหมี่แห้งน้ำซุปกุ้ง ที่ร้าน “สมจิตต์”
“ร้านหมี่สมจิตต์” เป็นร้านบะหมี่แบบฉบับฮกเกี้ยน เป็นหมี่รสชาติแบบโบราณ รสเด็ดเลยทีเดียว มีทั้งแบบน้ำ และแห้ง โดยมีจุดเด่นตรงที่น้ำซุป เป็นน้ำซุปกุ้ง ใช้ความหวานของกุ้งเป็นตัวชูโรงของความอร่อย และบะหมี่สดที่ร้านเป็นคนทำเอง และยังมีหมูเนื้อนุ่ม และกุ้งหั่นซีกหวานๆ ที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้บะหมี่เด็ดมากขึ้น
นั่งกินข้าวบนเขารัง ที่ร้าน “ทุ่งคา กาแฟ”
กินข้าวบนเขารัง ที่ร้าน “ทุ่งคา กาแฟ”
“ทุ่งคา กาแฟ” ร้านบรรยากาศดี มองเห็นวิวภูเก็ตสวยงาม ทั้งท้องฟ้า ทะเล ภูเขา ป่าไม้ จนไปถึงบ้านคนในเมืองภูเก็ต มีเมนูอาหารหลากหลาย ทั้งอาหารพื้นเมืองและอาหารภาคกลาง รสชาติเด็ดเลยทีเดียว อย่าลืมปิดท้ายด้วยขนมหวานนะคะ พิกัดร้าน อยู่บนเขารัง ขับรถขึ้นเขารัง มาถึงจุดสูงสุด แล้วหาที่จอดรถได้เลยค่ะ เดินที่จุดชมวิว ร้าน “ทุ่งคา กาแฟ” จะอยู่ซ้ายมือ หน้าร้านจะมีเสาสีแดงๆ เป็นสัญลักษณ์ ให้เดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ จะเจอร้านค่ะ
แวะชิม “ข้าวต้มแห้ง” ที่ร้านโกเบนซ์
“ข้าวต้มแห้ง” ร้านโกเบนซ์
"ร้านโกเบนซ์" ตั้งอยู่บนสี่แยกที่ตัดระหว่างถนนกระบี่ กับถนนปฏิพัทธ์ ที่จะไปเขารัง ที่ร้านจะเปิดช่วงเย็นๆ ไปจนดึกดื่นเลยค่ะ เมนูมีไม่เยอะ แต่เด็ดทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นข้าวต้มแห้ง ข้าวต้มหมู เกาเหลา ก๋วยจั๊บ และหมูกรอบ แต่ละเมนูเด็ดๆ ทั้งนั้น รสชาติเข้มข้นถึงเครื่อง กลิ่นหอมมากๆ คนเต็มร้านทุกวัน รอยคิวกันเยอะเลย รู้งี้แล้ว อย่าได้รอช้า เราต้องไปต่อคิวกันค่ะ
กิน “โลบะ แม่ย่านาง” อาหารพื้นเมืองภูเก็ต
“โลบะ แม่ย่านาง” อาหารพื้นเมืองภูเก็ต
“โลบะ แม่ย่างนาง” อีกเมนูหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ เป็นอาหารพื้นเมืองภูเก็ต ทานเป็นอาหารว่างยามบ่าย ประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ ที่มาจากหมู ไส้หมู, หูหมู, ปอดหมู, หัวใจ, หัวหมู, หมูเนื้อแดง นำมาหมักกับเครื่องพะโล้แห้งแล้วนำมาทอด ยังมี เกี้ยน และเต้าหูทอดอีกด้วย ใครที่ชอบรับประทานหมู รับประทานเครื่องในไม่ควรพลาดค่ะ ยังมีร้าน"โลบะบางเหนียว" และ"โลบะหล่อโรง" ที่เด็ดไม่แพ้กันนะคะ
แวะกินปอเปี๊ยะสด ที่ “หล่อโรง”
ปอเปี๊ยะสด ที่ “หล่อโรง”
“ปอเปี๊ยะสด หล่อโรง” เป็นอาหารว่างยามบ่าย ที่ได้รับความนิยมมากของหมู่คนภูเก็ต และหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย คือใครไป ใครมา ต้องมาลองความอร่อยแบบฉบับปุ้นเต๋ (พื้นเมือง) เป็นสูตรปอเปี๊ยะสดแบบจีนฮกเกี้ยน ไส้จะมีผักกาดหอม ถั่วงอกต้ม มันแกวผัดกับหมู หมูแดง กากหมูผสมหอมเจียว ถั่วเหลืองคั่ว ราดน้ำจิ้มตีเจียว รสชาติเค็มๆ หวานๆ เผ็ดนิดหน่อย ชิ้นเดียวไม่เคยพอเลย เสนอราคาชิ้นละ 15 บาท
กินโอ๋วเอ๋ว ร้าน “แป๊ะหลี่” ของหวานพื้นเมืองภูเก็ต
โอ๋เอ๋ว ร้าน “แป๊ะหลี่” ของหวานพื้นเมืองภูเก็ต
“โอ๋วเอ๋ว” เป็นของหวานพื้นเมืองของภูเก็ต มีโอเอ๋ว ถั่วแดง และเฉาก๊วย ทับด้วยน้ำแข็งไส ราดน้ำแดง เป็นของหวานที่ทำให้สดชื่น คลายร้อนได้อย่างดีทีเดียวเชียวค่ะ "โอ๋เอ๋วแป๊ะหลี่" อยู่บน ถนน เยาวราช ในซอยสุ่นอุทิศ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เที่ยง ถึง 5 โมงเย็น ราคา 10 -15 บาท ถ้าธรรมดา 10 บาท พิเศษเพิ่มเครื่องแบบจัดเต็มก็ 15 บาท สบายกระเป๋าสุดๆ